พระแม่มริอัมมัน (ทมิฬ: மாரியம்மன்) เป็นเทวีแห่งฝนในศาสนาฮินดู เป็นที่เคารพบูชามากในรัฐทมิฬนาฑูของประเทศอินเดีย การบูชาพระมริอัมมันมักมีไปเพื่อการบูชาขอฝน และมีที่บูชาเพื่อขอการรักษาจากโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคบิดและฝีดาษ
เข้าใจกันว่าคติบูชาพระแม่มริอัมมันปรากฏในดินแดนอินเดียมาตั้งแต่ยุคก่อนพระเวท เป็นเทวีองค์หลักของชาวทมิฬ หลายครั้งมักเกี่ยวข้องพระนางกับพระแม่ปารวตี พระแม่กาลี และ พระแม่ทุรคา[2] รวมไปถึงพระแม่องค์เทียบเท่าในคติของอินเดียเหนือ ศีตลาเทวี
คำว่า “มริ” มาจากภาษาของสังฆัมทมิฬ แปลว่า “ฝน” ส่วน “อัมมัน” เป็นคำทมิฬ แปลว่า “มารดา” พระนางได้รับการบูชาโดยชาวทมิฬโบราณในฐานะเทวีผู้พาฝนและความเจริญ คติการบูชาเทวีนี้ได้รับการมองว่าเป็นวัฒนธรรมบูชาสตรีเพศ เทวสถานในยุคสังฆัม โดยเฉพาะในมทุราย ปรากฏเทวรูปของพระนางและเทวีองค์อื่น ๆ เป็นหลักมากกว่า
มาเรียมมันมักถูกมองว่าเป็นหญิงสาวสวยที่มีใบหน้าสีแดง สวมชุดสีแดง บางครั้งเธอก็แสดงภาพด้วยอาวุธหลายแขนซึ่งแสดงถึงพลังอันมากมายของเธอ แต่ในการเป็นตัวแทนส่วนใหญ่ เธอมีเพียงสองหรือสี่แขนเท่านั้น
โดยทั่วไปแล้ว มาเรียมมันจะแสดงอยู่ในท่านั่งหรือยืน โดยมักจะถือตรีศูล ในมือข้างหนึ่ง และชาม (กะปาลา) ในมืออีกข้างหนึ่ง มือข้างหนึ่งของเธออาจแสดงโคลน ซึ่งโดยปกติจะเป็น Abhaya Mudra เพื่อขจัดความกลัว เธออาจมีอุปนิสัยสองแบบ อย่างหนึ่งแสดงออกถึงธรรมชาติอันน่ารื่นรมย์ของเธอ และอีกอย่างหนึ่งมีลักษณะที่น่าสะพรึงกลัวของเธอ มีเขี้ยวและขนแผงคอที่ดุร้าย
ตามประวัติของท่านคน ที่บูชาท่าน และ ไม่ได้บูชา ทั่วไป รู้จักกันว่า เป็นเทพีแห่งไข้ทรพิษ ( อินเดีย ) มารีอัมมัน นั้นเป็นพระนาม อีก พระนามหนึ่งขององค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวี เป็นปาง ที่คนนิยมบูชา กันแถบ อินเดียใต้ กัน ค่ะ กล่าวกันว่า ปางมารีอัมมัน เป็นปางที่รวมเอาทุกปางขององค์พระแม่ศรีอุมาเทวีไว้ในองค์เดียวกันคือ องค์พระแม่มารีอัมมัน
พระแม่มารีอัมมัน มีสองปาง ปางหนึ่ง ชื่อ มารีอัมมา (maari amman) อีกปางชื่อ เอลล่าอัมมา (Ellamma) ทั้งสองจะเป็นเทพีประจำหมู่บ้านของชาวทมิฬนาฑุ มารีอัมมัน มีสองแบบ คือ หัวเป็นมนุษย์ กับ อสูร เอลล่าอัมมา) จึงเรียกรวมกัน ว่า อัมมา หรือ มารี และ มีหลาย ชื่อ คนทมิฬ ถือว่า เป็นภาคหนึ่งของพระอุมา ในฐานะเทพีประจำท้องถิ่น ในเทวลัย ที่วัดเเขกสีลม คือส่วนหนึ่งของมารีอัมมันเท่านั้น เเต่ในวัดเเขกสีลมประเทศไทย ถือว่าเป็นตรีมูรติของเทพี (ในระดับเทพีประธานของวัด)
ตามตำนานประวัติของพระแม่ ของทางอินเดีย มีบางส่วน ที่ ได้ไปค้นพบเจอ ตามตำนาน กล่าวไว้ว่า
พระแม่มารีอัมมัน เป็นมนุษย์ นามชื่อ เรณุกา พระแม่นางเป็นคนมีความสามารถพิเศษ โดยการปั้นหม้อดิน ด้วย มนตรา โดยนำ ดิน จากก้นแม่น้ำ ขึ้นมา ใช้ มนตร์วิเศษ แล้วนำตักน้ำเอาให้สามี บูชาเทพทุกเช้า สามีของพระนาง เป็น พระฤษีผู้บำเพ็ญพรต นามว่า ฤษีชมทัคนี ตามตำนานมหาภาระตะ พระนางเรณุกา เป็นธิดาแห่ง ราชานเรนทร์ นาม ปเสนธิโกศล ซึ่ง พระฤษีชมทัคนี (กล่าวว่า พระฤษีเป็นปางหนึ่งของพระศิวะ) เป็นผู้ไปสู่ขอธิดา ได้ร่วมวิวาห์ พร้อมใจกัน เข้า สู่พนา เป็น อาศรมสถาน ในป่าสงัด ไกลผู้คน พระนางได้ เฝ้า ประติบัติ พระทรงพรต มีโอรส รวมกันห้า พระองค์ องค์สุดท้าย มี เกียรติ และมีชื่อเสียงมากชื่อนามกร ราม เป็น มีฤทธิไกรวิเศษ กระเดื่องเดชไพโรจน์ (เป็นคนโปรดพระศิวะ) พระเป็นเจ้าประทาน ขวานเพ็ชรเป็นอาวุธ ฤทธิไกรวิเศษ สามารถยุทธศาสตร์ไม่รู้จบ รบได้ ไม่ หย่อนกำลัง ลง ดั่งนั้น องค์สุดท้าย รามนี้ จึงมีฉายาว่า ปรศุราม นั่นเอง เป็นพราหมณ์ โดยกำเนิดชาติ เป็นผผู้ถือมั่นทางธรรม ละบาปกรรมทั้งหลาย ไม่มุ่งร้าย ต่อใคร บำเพ็ญ เช่นพราหมณ์ คอยรับใช้ บิดามารดา ฟังคำสั่งสอน ไม่ขาดตกบกพร่อง
ที่มา สยามคเณศดอทคอม
Leave a Reply