หลังจากที่พระกามเทพได้ถูกเพลิงพิโรธเผาด้วยตาที่สามของพระศิวะแล้ว Chitra Karma ซึ่งเป็นเทพที่เกี่ยวข้องกับด้านศิลป ก็ได้ไปเก็บขี้เถ้าเหล่านั้นมาวาดเป็นรูปคนขึ้นมา พระศิวะทรงทอดพระเนตรมองลงมายังที่รูปนั้น ทันใดนั้นรูปนั้นก็ปรากฎเป็น
ร่างบุรุษรูปหนึ่งขึ้นมา Chitra Karma คิดว่าบุรุษผู้นี้ได้เกิดจากสายพระเนตรอันเปี่ยมไปด้วยเมตตาของพระศิวะ จึงสั่งให้เค้า
สวดมนต์เพื่อเป็นการขอบคุณและระลึกถึงความเมตตาของพระศิวะ และมนต์บทนั้นก็คือ Shata Rudriya พระศิวะทรงพอพระทัยกับการสวดมนต์และบำเพ็ญตบะของบุรุษรูปนั้นมาก ถึงกับทรงให้พรว่าให้มีชัยเหนือเทพทั้งปวง
เป็นเวลาหกหมื่นปี ทางด้านพระพรหมเมื่อทราบดังนั้นก็ทรงกลัวว่าจะมีหายนะและภัยพิบัติเกิดขึ้นแก่เรา แก่มวลมนุษยชาติแน่
พระองค์จึงทรงกรรณพระแสง หลั่งพระเนตร ร้องไห้และร้องอุทานออกมาว่า Bhand hey bhand ถายหลังบุรุษผู้นั้นจึงมีนามว่า บรันดา อสูรบรันดาเข้าบุกยึดทั้งสวรรค์ของพระอินทร์และโลกมนุษย์ พระอินทร์ตัดสินใจที่จะไปทำ Homa คือการบูชาไฟถึงพระแม่ศักติ เพื่อให้พระแม่ทรงพอพระทัยและประทานพรให้ ในระหว่างที่กำลังบูชาไฟอยู่นั้นก็ได้บังเกิดเป็นศรีจักราและพระแม่กามัคชี่
ลอยออกจากกองไฟกองนั้นขึ้นมา พระแม่กามัคชี่ทรงนำทัพ ต่อสู้กับอสูรบรันดา และนำสวรรค์และโลกมนุษย์กลับคืนมาได้สำเร็จ
จากประวัติข้างต้นนี้ทำให้พวกเราทราบว่าพระแม่กามัคชี่ศรีทรงเป็นเทพที่เกิดจากบุคลาธิษฐาน และมีความเกี่ยวข้องกับศรีจักราแต่แท้ที่จริงพระแม่มิได้ทรงมีความเกี่ยวข้องกับศรีจักราเลย
เป็นเพียงการผูกปกรณ์ขึ้นมาใหม่เท่านั้น และศรีจักราปัจจุบันนี้อินเดียก็ได้รับมาจากตะวันออกกลาง
พระแม่กามาคชีทรงเป็นส่วนหนึงของพระแม่อธิปราศักติ
ทรงอยู่ในรูปลักษณ์ ของพระแม่เทวี ทรงนั่งขัดสมาธิเพชร
พระแม่ทรงถือต้นอ้อย และมือนึงถือดอกไม้ที่มีนกแก้วติดอยู่(สองมือข้างหลัง จำไม่ได้ว่าทรงถืออะไร)
บนมงกุดจะมีพระจันทร์ครึ่งเสียวอยู่
ทรงเป็นพระที่อยู่ในรูปของศักติ ประจำเมืองกานจีปูรั่ม ถ้าหากฟังมาไม่ผิด พระแม่องค์นี้ถูกสถาปนาขึ้นมาในสมัยของ พระอธิสังขราจารย์
Leave a Reply